บัตร Suica ของหมด แล้วฉันจะขึ้นรถไฟอย่างไร
วันนี้เราเริ่มต้นวันด้วยการต่อแถวซื้อ Suica จากที่เราเล่าไปในวันแรกว่า Suica ของผมหาย เหลือแต่ของแฟน เลยคิดว่าต้องไปซื้อบัตรนี้ เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น แต่ก็มีเห็นแว็บๆ เป็นป้ายภาษาญี่ปุ่นมีกากระบาททับบัตร Suica หรือให้ใช้ผ่าน App อะไรซักอย่าง แต่ไม่เป็นไร ต่อคิวซื้อบัตรใหม่ ในสถานีแหล่ะ จะได้ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น หลังจากต่อคิวไปประมาณ 15 นาที ถามพนักงานได้คำตอบว่า Suica หมดทั้งประเทศ มีขายอีกทีปีหน้า ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย
บรรยากาศแถวสถานีรถไฟ Nippori
หาข้อมูลอยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจซื้อตั๋วรถไฟเป็นกระดาษธรรมดาละกัน ด้วยความหัวร้อน ไม่รู้จะซื้อราคาเท่าไหร่ งั้นซื้อไป 300 yen เลยละกัน ลงไหนก็คงจะได้ ไม่น่าเกินนี้ ได้บัตรมาเรียบร้อย ปักหมุด เป้าหมายแรกที่เราคิดถึงที่สุดมันปูย่างที่ Isomaru Suica เอ้ย Suisan สาขาที่เราเคยไปแล้วคนน่าจะไม่เยอะคือ Akihabara ที่แรกที่เราพบรักกับมันปูก็สาขานี้
มุ่งหน้าสู่ร้านมันปูย่างที่เราคิดถึง อิโซมารุ ซุยซัง
ปัก google map เรียบร้อย เดินเข้าสถานีด้วยบัตรรถไฟแบบกระดาษ ทำตัวเชี่ยวชาญยังกับอยู่ญี่ปุ่นมา 10 ปี google map บอกให้ลงที่สถานี Okachimachi โอเค ลงที่นี่อาจจะใกล้กว่าลง Akihabara ก็ได้ ก็เดินตามนางไปครับ ก้มหน้าก้มตาเดิน ตลาดนี้มันของกินเยอะดีเนาะ แต่ทำไมไม่มีของเล่นเลย มีแต่ร้านเหล้า
ออกจากสถานี Okachimachi มาเจอตลาดอะเมโยโกะ
แล้วพี่แมพก็พาเรามาโผล่ที่ Isomaru สาขาตลาดอุอะเมโยโกะ 5555 WTF ผมว่าปักถูกแล้วนะ ไม่น่าหลงเชื่อมึงเลย google map (เนี่ยไปโทษเค้าอีก ตัวเองปักผิดเอง โง่เอง เค้าเรียกโง่แล้วอยากกินมันปู 55555) แล้วที่พีคกว่าคือมาถึงประมาณเที่ยง ร้านเต็มครับท่านผู้ชม ถึงเวลาที่ผมต้องรับโทษด้วยการโดนแฟนผู้ที่ร่างกายไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ผู้อดทนกว่า 1 ชม. ในการหาทางขึ้นรถไฟ และเดินมาอย่างไกล บ่นไป 1 ย่อหน้า
ร้านมันปูย่างอันดับหนึ่งในใจ อิโซมารุ ซุยซัง
แรนด้อมร้านอิซากายะสุดปังที่ Ueno
ทำหน้าหงอยๆ เดินกลับแบบเฟร้งฟร้างไปที่สถานี ระหว่างทาง นึกขึ้นได้ งั้นเราแรนด้อมแม่งเลยดีมั้ย ร้านไหนดูมีคนญี่ปุ่นกินบ้าง (ที่ไม่เอาแบบต่อคิวเพราะหิวจนทนไม่ไหวแล้ว)
แล้วก็ไปสบตากับป้ายน่ารักๆ หน้าร้านอิซากายะร้านนึง รูปของกินดูน่ากิน พร้อมมีคนญี่ปุ่นนั่งชิลอยู่ด้านในแบบชิลๆ พอมีโต๊ะให้นั่งแบบไม่ต้องเบียดกับใคร แล้วพระเจ้าก็เข้าข้างเราครับ บรรยากาศดีโคตร อาหารอร่อย ราคาดี
ป้ายหน้าร้านเค้ายิ้มให้เรา
ผมสั่งเซตยากิโทริ ไก่ย่างเสียบไม้กับต้นหอมญี่ปุ่นคือเข้ากันมาก ย่างมาหอมๆ น้ำราดกลมกล่อมกำลังดี กินกับข้าวญี่ปุ่น ซุมิโสะ แล้วตามด้วย Hoppy เบียร์แอลกอฮอล 0% เสิร์ฟพร้อมแก้วใส่น้ำแข็งที่เทโซจูไว้ก้นแก้ว ฟินสุด นี่แหล่ะ ร้าน local ที่เราตามหา ส่วนคุณแฟนสั่งกุ้งเล้กทอด(นางชอบสั่งเวลาไปอิซากายะใน กทม.) ซึ่งตัวใหญ่กว่า เปลือกแข็งกว่า แต่ทอดมากรอบ มีรสชาติกุ้งเต็มคำ ทานสลับกับมันบดที่บดมามีสัมผัสให้เคี้ยวกำลังดี ราดเกรวี่สูตรเฉพาะของทางร้าน และที่เด็ดสุดคือ กระหล่ำปลีฟรี ราดน้ำมันงา แม่งอร่อยสัสๆ กระหล่ำปลีกรอบหวาน น้ำมันงาที่ราดมาปรุงรสเค็มกำลังดี ตัดเลี่ยนหลังจากทานของย่างของทอดได้ดีมาก แล้ววนลูปด้วย Hoppy อึกใหญ่ ค่าเสียหายอยู่ที่ 3000 พันกว่าเยน ไอ้สั๊ส อยากปลุกน้าค่อมมาด่า ราคาเท่าที่กูกินที่ร้านเมื่อคืนเลย งือออออออ
กะหล่ำและ Hoppy สุดปัง
กุ้งทอดกรอบๆ มันบดเข้มข้น
เซตยากิโทริและบรรยากาศสุด local
เอาจริง ใครมาเดินเล่นตลาดอูเอโนะตอนกลางวันควร ด่อมๆ มองๆ หาร้านที่มีคนญี่กุ่นกิน แล้วเข้าไปแรนด้อมสั่งของที่ชอบ แม่งคือดีจริง ถ้าไม่โอกาสกลับไปอีกรอบ จะกลับไปลองให้หมดเลย มันไม่เหมือนร้านตามตึกในสถานที่ท่องเช่นชินกูกุหรือชิบูย่าซะทีเดียว ร้านพวกนั้น เหมือนเป็นร้านจริงจัง ที่ต้องให้หัวหน้าพาไปเลี้ยง แต่ร้านที่ตลาดอูเอโน๊ะคือให้ฟีล มานั่งกินกับเพื่อนมากกว่า เมนูญี่ปุ่นล้วน เปิด google translate ผ่านกล้อง สั่งด้วยการชี้ แล้วลุ้นว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง แม่งคือเสน่ของที่นี่เลยครับ
ร้านไหนคนเยอะๆ น่าลองมาก
สักการะ Uniqlo และ GU ญี่ปุ่น
หลังจากอิ่มท้องแล้วสถานีถัดไป ตามใจคุณแฟน สักการะ Uniqlo และ GU ของญี่ปุ่น ทำไมต้องสักการะหน่ะหรอ Uniqlo ถูกกว่าไทย 30 – 50% บางตัว สามเท่า แต่ถ้าอดใจเดินผ่าน Uniqlo ไปถึง GU ได้ คุณจะพบแหล่งละลายทรัพย์ขั้นสุดยอดของหญิงวัยทำงานตอนต้นถึงตอนกลาง แม่งกางเกงขายาว ยีนส์บาง ลูกฟูกบ้าง สไตล์ที่เห็นคนญี่ปุ่นเค้าใส่ๆกัน คือตัวละ 400 – 800 บาท เมียผมซัดไป 5 ตัวตั้งแต่วันแรก ไหนจะเสื้อยืด เสื้อแขนยาว กระเป๋า หมวก ที่ราคาถูกมหาโหด เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้ หลังจากหยิบเสื้อผ้าจนเต็ม 2 ตะกร้า (ที่ผมถือ) ไปจ่ายเงิน แม่ง Tax refund ได้อีก 10% จบไป 9000 yen แปลงเป็นเงินไทยสองพันกว่าบาท ถ้าซื้อที่ไทยมี 5000+ แน่นอน จริงๆ เป็นกลอุบายหลอกเมียให้ตายใจ เพราะเรากำลังจะลากนางไปอากิฮาบาระ ดินแดนแห่งชายแท้ในช่วงบ่ายนี่เองงงงงงงงงง
Uniqlo & GU แหล่งละลายทรัพย์ขั้นสุดยอดของหญิงวัยทำงาน
ชมเมืองชิลๆ จาก Ueno ไป Akihabara
หลังจากลงมาจากตึก Uniqlo & GU ที่ Ueno ผมกับแฟนเลยลองปักแมพที่ Akihabara station อ้าวเห้ย เดินได้ น่าจะชิลด้วย เราตัดสินใจว่าเราจะเดินไปละกัน ชมเมืองชิลๆ ซึ่งก็ตัดสินใจไม่ผิดครับ อากาศประมาณ 20 กลางๆ พร้อมลมพัดกำลังดี แดดไม่แรงมากในช่วงบ่าย ทำให้เราเดินกันสนุกมาก เดินผ่านร้าน Tokyo Butcher ร้านเนื้อที่น่ามาลองมาก คนญี่ปุ่นเพียบ Egg baby cafe ร้านขนมที่สัญญาว่าถ้ามีโอกาศจะกลับมาลอง พร้อมร้าน Craft beer ลืมจดชื่อมาแต่บรรยากาศโคตรอบอุ่น
บรรยากาศการเดินจากอูเอโน๊ะ ไปอากิฮาบาระ
Chococro ร้านกาแฟแฟรนไซส์ที่รสชาติไม่ธรรมดา
เดินไปถ่ายรูปไปประมาณ 15 นาที เราก็มาถึงสถานีอากิฮาบาระ ได้เวลากาแฟแก้วแรกของวันในตอนบ่ายๆ เราเลยตัดสินใจเดินเข้าร้านคาเฟ่ที่มีสาขามากมาย Chococro เราสั่งอเมริกาโน่ 2 ไอติมพาเฟต์ 1 ครีมฮอร์น 2 (เมียบอก มึงเอาอีกแล้วนะ ไหนบอกจะกินน้อยๆ แต่หลายๆ ร้านไง เล่นสั่งจัดเต็มทุกร้าน ทำไงได้ก็มันน่ากินอ่ะ) สั้นๆคือ กาแฟกลางๆ ไอติม ขนมดีมาก ราคาดีมากคิดเป็นเงินไทยประมาณ 500 บาท หลังจากได้กาแฟและขนมไป เราก็มาเริ่มภาระกิจเคลียร์ใจชายแท้ที่อากิฮาบาระกันครับ
Chococro ร้านกาแฟแฟรนไชส์ที่มีเยอะมากในโตเกียว โดยเฉพาะแถวสถานีรถไฟ
เริ่มต้นทริปเด็กเนิร์ด ลุยส่องฟิกเกอร์ที่อากิฮาบาระ
หลักๆ คือเราได้ทำการหาข้อมูลมาระดับนึง โดยการถาม Chat GPT ว่า Please suggest top 20 figure and anime shop in akihabara นางการลิสมาให้ แล้วเราก็เริ่มภาระกิจเที่ยวตาม AI กันที่นี่ครับ
อากิฮาบาระที่เราคิดถึง
Big Camera Akihabara ชั้น 7 ของเล่นโคตรถูก
ตึกแรกที่เราไป Big Camera Akihabara เริ่มภาระกิจสำรวจทีละชั้นกันไปเลย ชั้นแรกไม่มีอะไร ขายคอมและมือถือ สินค้าแอปเปิ้ลและ surface จากที่ดูราคาคร่าวๆ ซื้อที่ไทยน่าจะพอๆกัน ชั้น 2 gaming gear มีเยอะมาก วางให้ลองกันแบบละลานตา แต่เราเองไม่ค่อยได้เล่นเกม เลยเดินเล่นๆ เก็บรูปมาฝากครับ (เหมือนเดิม รีวิวแต่ละตึกที่ Akihabara แยกอีกโพสนะครับ) ชั้น 3 Smart phone accessory พวกเคส หูฟัง ลำโพง เราติดอยู่ที่ชั้นนี้นานมาก เพราะเลือกซื้อเคสและสายห้อยคอมือถือ เพื่อความสะดวกในการถ่ายรูประหว่างท่องเที่ยว และมันดีมากกกก ไม่ต้องคอยหยิบมือถือออกจากกระเป๋า มันดีจริงๆ ขอโทษคุณแฟนที่บ่นไปว่าเสียเวลาชั้นนี้ และขอบคุณที่ตัดสินใจซื้อสายห้อยคอให้ครับ
หน้าตึก big camera และชั้น 1หน้าตึก
ชั้น 2 gaming gear และอุปกรณ์คอม
ชั้น 3 Smart phone accessory และหูฟัง
มาถึงชั้น 4 G-Shock เยอะมาก น่าจะ 7 – 8 ตู้เรียงกัน ใครสายจีช็อค อยากให้ลองมาดู และแฟนบอกราคาดีด้วย ชั้น 5 เป็นกล้อง ผมชอบร้านหรือห้างขายของอิเล็กทรอนิกที่ญี่ปุ่นตรงที่ เค้าเอาทุกรุ่นที่ดังๆ ของแต่ละแบรนด์มาวางให้ลูกค้าลองได้ที่เชลฟ์เลย ไม่ต้องคอยขอพนักงานลองทีละตัวเหมือนที่ไทย (ลองเยอะ สีหน้าเริ่มออก ทำเราเกรงใจอีก) เท่าที่ลองดูราคาดีว่าที่ไทยประมาณ 10%-20% ครับ ใครสนใจไปส่องกันได้ ต่อที่ชั้น 6 เครื่องใช้ในบ้านกด skip รัวๆ
ชั้น 4 G-Shock เพียบ
ชั้น 5 กล้องเยอะมาก หยิบจับลองได้ตามสะดวก
และแล้ววววว เราก็มาถึงงงงง เกมและของเล่นในชั้น 7 ซึ่งอารมผมในตอนนั้น คือบูดจัดๆ เพราะเสียเวลาเยอะ เป้าหมายเราคือเก็บให้ครบตาม Chat GPT 20 ที่ ที่แรกเราฟาดไป 1-2 ชม. กว่าจะมาถึงชั้นที่เราต้องการ ซึ่งการมาถึงชั้นนี้ก็ไม่ผิดหวัง เกมเพียบ ของเล่นเพียบ แถมถูกว่าไทย 3 เท่า (บางอย่าง) เดินกันเพลิน จากหน้าบูดๆ กลายเป็นหน้ายิ้มที่ต้องฝืนเกร็งไว้ เดี๋ยวเสียฟอร์ม เดินทุกซอกทุกมุม ได้ของเล่นมานิดหน่อย และเห็นรถ Tomica โมเดลรถคันเล็กๆ ที่ลูกชายชอบมาก ซื้อที่ไทย 290 บาท เจอที่นี่ไม่ถึงร้อย คุยกับแฟนว่า เดี๋ยวเราวันกลับมาเหมากัน และเหมือนจะเห็น official store ที่ Tokyo skytree ด้วย ซึ่งแพลนจะไปอยู่แล้ว ดังนั้นวันนี้ไม่ต้องซื้อเยอะ ขี้เกียจถือ 5555
ชั้น 7 สวรรค์ของชายแทร่ ของเล่น เกม ฟิกเกอร์
Volk Akihabara Hobby Paradise สายลึกต้องไป
แล้วก็เราก็ไปตามตามที่ Chat GPT แนะนำ คนบ้าอะไร เที่ยวตาม AI 5555 แต่ก็ขี้เกียจนั่งหาข้อมูลหลายๆเว็บ เป็นสาเหตุที่ผมอยากไปเดินรีวิวให้ครบแล้วทำเป็นคอนเท้นให้คนที่อยากไปเดินอากิฮาบาระสามารถวางแผนการเดินฟินได้ง่ายๆ ไม่ต้องใช้ AI เหมือนผม ซึ่งตึกถัดไปที่เราไปตามที่ AI แนะนำนั่นก็คือออออ Volk Akihabara Hobby Paradise
หน้าตึก Volk Akihabara Hobby Paradise
ตึกนี้น่าจะสายลึกขึ้น คือเค้าแบ่งเป็นชั้นๆ ตามประเภท มี Figure ที่ชั้นล่าง และชั้นถัดๆไปด้านบน Character good (สินค้าของคนที่ main ตัวละต่างๆ พวงกุญแจ แฟ้ม ของสะสมต่างๆ), การ์ดเกม, กันพลา(มีการดิสเพลย์แบบห้อยๆ ลงมาจากเพดาน เจ๋งดี), มีชั้น Nendoriod ด้วยน่าร๊ากกก เอาเป็นว่าใครมีเวลาถ้าเดิน Radio Kiakan และ Big camera เสร็จ ยังไม่จบ ก็มาเดินที่นี่ต่อได้ครับ เพลินๆ
Volk Akihabara Hobby Paradise มีหลายชั้น แต่ละชั้นจะลงลึกตามหมวดหมู่นั้นๆ
ฉายายุ้ยตู้คีบที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
หลังจากเดินรีวิวได้ 2 ตึก ใช้เวลาไปน่าจะร่วม 3 ชม. ซึ่งในลิสท์ที่ Chat GPT แนะนำแม่งคือ 20 ตึก สงสัยต้องรีวิวให้ครบทริปหน้า 55555 และเราเองระหว่างที่เรากำลังเดินไปตึกถัดไปสันชาตญานนักคีบตุ๊กตาของยุ้ยก็ได้ตื่นขึ้น เราไปหยุดที่หน้า Taito Station บ่อน เอ้ย ร้านคีบตุ๊กตาชื่อดังของญี่ปุ่นที่มีอยู่ทุกที่ (แล้วคนก็แน่นทุกที่) ยุ้ยทำหน้านิ่งๆ ผมรู้ใจเลยสะกิดไปว่า เอาซักหน่อยมั้ย คีบให้เด็กมันดู แล้วคุณบ่งบ๊งยุ้ยของเราก็วิญญานนักพนัน เอ้ย นักคีบตุ๊กตาเข้าสิง 1000 เยนแรกหมดไปอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศ ร้านตู้คีบ Taito Station พร้อมจะให้คุณเข้าไปเพลิดเพลินกับการลุ้น ที่มนัส์ยิ่งกว่าลุ้นหวย
เสือหิวผู้คลั่งการคีบตุ๊กตาจึงเอ่ยปากมาว่า เราต้องเดินดูชาวบ้านเค้าก่อน ดูว่าทรงๆไหน คีบง่าย เดี๋ยวค่อยเลือกตู้ เดินวน 1 รอบ เราก็ไปพบรักกับตู้ตุ๊กตาหมีโคล่าไซส์ใหญ่กำลังดี ถ้าคีบได้คงเอาขิงคนอื่นๆได้ไม่อายใคร พร้อมการวางที่หมิ่นเหม่สุดๆ แบบว่าสะกิดซัก 2 3 น่าจะร่วงได้แล้ว (ทุกคนเคยรู้สึกแบบนี้ใช่มั้ย เวลาเข้าบ่อนตุ๊กตาที่ญี่ปุ่น) ยุ้ยตัดสินใจ(ใช้ผม)ไปแลกเหรีญญร้อยเยนมาอีก 10 เหรียญ ไหน มันจะยากแค่ไหนกันเชียว
หมิ่นๆเหม่ๆ แบบนี้แหล่ะ หมดไปเป็นพัน ก็ยังไม่ร่วง
การคีบตุ๊กตารอบนี้เรียกได้ว่ามาคีบให้แขกมันดู เพราะมีคนอินเดียยืนเชียร์อยู่ข้างๆ ยุ้ยเริ่มสะกิดตุ๊กตาทีละน้อย ตุ๊กตาหมีโคล่าก็ยิ้มกรุ่มกริ่มสงสายตาบอกว่า อีกนิดเดียวๆ แตะตรงๆนี้ รับรองร่วง ผ่านไป 10 เหรียญแรก ยังไม่ตก 55555555 มาขนาดนี้แล้ว จะหยุดได้ยังไง 1 เซนติเมตรที่เราอุส่าสะกิดน้องให้ขยับ ถ้าหยุดตอนนี้ แม่งคือ 0 เลยนะเว้ย ไปเดียว ไปแลกมาอีกซิ ยอยุ้ยของเราก็มาสะกิดน้องหมีโคล่าต่อ ผ่านไป 5 เหรียญ เหมือนน้องจะอยากตกลงมาแล้วแหล่ะ แต่ยอยุ้ยของเราไม่รู้คิดยังไง บอกว่า “พี่เดียวคีบให้หน่อย น่าจะได้แล้วแหล่ะ”
ผมผู้ไม่สันทัดในการคีบ(ถนัดซ้ำเติมมากกว่า) ก็ได้ลองดู หยอดถึงเหรียญที่เจ็ด ไม่รู้โชคตา หรือพระเจ้าสงสารชายหญิงวัยกลางคนคู่นี้ ผมก็ได้ทำการเลื่อนมือคีบสามง่าม เอาง่ามที่ 2 ไปสะกิดน้องหมีโคล่าตัวนั้นให้ร่วงลงมาจนได้ จังหว่ะนั้นคือนอกจากเราสองคนที่เฮลั่นร้านแล้วยัง มีคนอินเดีย และฝรั่งที่ยืนเชียร์อยู่ ก็เฮไปกับเราด้วย แม่งมิตรภาพในบ่อนมันไร้พรมแดนจริงๆ เค้าถึงกับมาขอถ่ายรูปกับเราเพื่อเป็นที่ระลึกว่า คีบได้ซะทีนะมึง ยืนลุ้นช่วยจนเยี่ยวเหนียวไปหมดแล้ว
แล้วก็เราเดินเอิดถือตุ๊กตาออกมาจากร้านอย่างมีความสุข ยังกับชนะการแข่งขันคีบตุ๊กตาชิงแชมป์โลก สรุปรวมเราใช้ไปประมาณ 2700 yen พร้อมได้ความสุขกลับออกไป (ใครรู้ราคาตุ๊กตาหมีโคล่าตัวนี้ ไม่ต้องมาบอกผมนะครับ ผมไม่อยากรู้)
ในที่สุดยุ้ยตู้คีบทำสำเร็จ
แวะลองเนื้อยางเสียบไม้ เวิร์คอยู่นาาาาา
เดินออกมามีโอกาสแวะลองเนื้อย่างเสียบไม้ที่ป้ายบอกว่าเป็นวากิวในราคาไม้ละ 500 เยน อร่อยมากเลยนะ นุ่มชุ่มลิ้น ซอสกลมกล่อมกำลังดี ใครเดินผ่านร้านนี้ที่อากิฮาบาระ ไม่ค่อยเห็นมีคนกินไม่ต้องกลัว มาช่วยลองและคอนเฟิร์มรสชาตืเป็นเพื่อนผมหน่อย มาคอมเม้นบอกกันได้เด้อ
เนื้อย่างเสียบไม้ อร่อยนะ
ปิดวันด้วยร้านอิซากายะ มันปูย่างอันดับ 1 อิโซมารุซุยซัง สาขาแรกที่เราป้ายยาตัวเอง
และแล้วเราก็เดินมาถึงร้านที่เราคิดถึงที่สุด Isomaru Suisan สาขา Akihabara ตอนหกโมงเย็นเวลาญีุ่่น ไปส่องๆ หน้าร้าน คนเยอะเหมือนเดิม และรอบนี้นั่งได้แค่ 2 ชม. เพราะลูกค้าเยอะจัด และเราก็โชคดี ที่ไปแล้วไม่ต้องรอ มีโต๊ะให้นั่งเลย
Isomaru Suisan สาขา Akihabara
แค่ได้เข้าไปนั่ง เปิดูเมนู ก็ฟินแล้วครับ แน่นอนครับ เมนูแรกที่สั่งมันปูย่าง ที่หากินที่ไหนก็ไม่อร่อยขนาดนี้ ข้าวหน้าปลาดิบ หมึกย่าง ซาบะดองย่าง ปลาตัวเล็กๆ ชุปแป้งทอด คลุกมากับผักหรือสาหร่ายอะไรบางอย่าง และหมึกปลาร้า พร้อมกับเบียร์ของผม และเหล้าบ๊วยของยุ้ย บอกเลย คือมีความสุขมาก ยุ้ยจากป่วยๆ ถึงกับหายเป็นปลิดทิ้ง ซดเหล้าบ๊วยพร้อมแกล้มข้าวหน้าปลาดิบ และจิ้มมันปูย่าง หมึกย่างก็โคตรสด ซาบะดองย่างก็รสชาติกลมกล่อมตัดรสชาติเบียร์กำลังดี พร้อมคีบปลาเล็กทอดกินเพลิน เอ๊าเบียร์หมดแล้ว เติมๆๆ โอ๊ยยย อยากกลับไปกินอีกกกกก มีอย่างนึงที่ผมคิดว่าไม่อร่อยคือหมึกปลาร้า แต่ยุ้ยบอกว่าอร่อยกว่าที่ไทยแค่ไม่ได้ยำมาให้
โคตรเปรมกับเมนูปิ้งย่าง
เบียร์และซาบะดองย่างสุดฟิน
ปลาเล็กทอดและมันปูอันดับหนึ่งในใจ
ข้าวหน้าปลาดิบที่ไม่ทำให้คุณผิดหวัง และหมึกปลาร้าที่ยอยุ้ยบอกว่าอร่อย
หน้าตาคนป่วย ฟินกับสาเกบ๊วยวุ้น ยาเยอไม่ต้องกินละ
สรุปเป็นสองชั่วโมงที่แฮปปี้สุดๆ เบียร์ 6 แก้ว เหล้าบ๊วย สาเกวุ้น 4 แก้ว มันปู 2 ข้าวหน้าปลาดิบรวม หมึกย่าง ซาบะดอง หมึกปลาร้า ปลาเล็กทอด อย่างละ 1 ค่าเสียหายประมาณ 10,000 เยน หรือ สองพันกว่าบาท (แม่งเท่ากับเรากินอาซากายะที่ไทยเลย รอบหน้าสัญญาว่าเก็บเงินกินเหล้าที่ไทย มากินที่ญี่ปุ่นแทน 55555) และเราก็ปิดทริปวันที่สองได้อย่างสวยงาม